วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

บทบรรณาธิการไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 46 ทางออกวิกฤติชาติวันนี้คือขอพระบารมี

ทางออกวิกฤติชาติวันนี้คือขอพระบารมี ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลสร้างประชาธิปไตย
โดย ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น


สภาพ การณ์ทางการเมืองในประเทศไทยเวลานี้ เรียกกันว่า เป็น “สถานการณ์ปฏิวัติ” คือประชาชนไม่ยอมรับผู้ปกครอง และผู้ปกครองก็บริหารไม่ได้ เกิดขึ้นจากสาเหตุสำคัญ เพราะระบอบการปกครองไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนผู้ถูกปกครอง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ สังคม หรือทางการเมือง คนรู้ทันผู้ปกครองผู้ถืออำนาจรัฐ และใช้อำนาจนั้นอย่างไม่เป็นธรรม

ขยาย ความ คือในสังคมการเมืองไทยเวลานี้ ผู้มีอำนาจไม่ว่าในสถาบันใด ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติที่ตรากฎหมาย ก็ไม่ได้เขียนกฎหมายเพื่อประชาชน ฝ่ายบริหารผู้บังคับใช้กฎหมาย ก็ไม่ได้มีนโยบายหรือการบริหารจัดการ ที่มุ่งประโยชน์ของประชาชน และฝ่ายตุลาการผู้วินิจฉัยและตัดสินปัญหาความขัดแย้ง นอกจากท่านจะไม่ได้มาจากหรือมีที่มา ยึดโยงกับอำนาจของประชาชนแล้ว ท่านก็ยังถูกมองว่าโดยพฤตินัย ท่านไม่ได้กระทำเพื่อประชาชน ท่านไม่อิสระ และไม่ได้ให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างแท้จริง

เกิดมีปัญหาสอง มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมไทย คนมีความรู้สึกว่า ผลการวินิจฉัยไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อเป็นปัญหาทางการเมือง เมื่อคนในการเมืองมีการขัดแย้งกับผู้ถือดุลอำนาจรัฐ ฝ่ายประชาชนมักจะเป็นฝ่ายผิดและถูกลงโทษเสมอ โดยเฉพาะหากเขาไม่ได้อยู่ฝ่ายสนับสนุน “เผด็จการอำมาตยาธิปไตย” ที่หมายถึงผู้กุมอำนาจรัฐที่แท้จริงในปัจจุบัน

ความรู้สึกเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรมนี้ เป็นเรื่องของจิตใจ ไม่ใช่เรื่องของกฎหมาย ที่ไม่แน่ใจว่าใครออกหรือกำหนดว่าอย่างไร โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกโดยฝ่ายผู้ถือดุลอำนาจ ขัดกับหลักยุติธรรมสากล เป็นเรื่องที่คนรู้สึกได้ในจิตใจ ของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป

จึงทำให้เกิดบรรยากาศปั่นป่วนขึ้นในสังคม ที่เรียกว่า "สถานการณ์ปฏิวัติ" ที่ประชาชนไม่ยอมรับอำนาจการปกครอง และผู้มีอำนาจก็ปกครองไม่ได้ดังใจหวัง ไม่ว่าจะเป็นใครขึ้นมาปกครองบ้านเมือง ผู้ปกครองก็จะปกครองไม่ได้ ประชาชนจะไม่เชื่อฟัง มีกลุ่มพลังมาต่อต้าน แม้มีตำแหน่งในระบบอำนาจรัฐฝ่ายใดก็ตาม ก็จะไม่มีอำนาจปกครองอย่างแท้จริง ประชาชนจะไม่ยอมรับ จะมีการต่อต้านคัดค้านเสมอ จะมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย เป็นปัญหา Anachism หรืออนาธิปไตย คือเป็นปัญหาที่ผู้ถูกปกครองไม่ยอมรับผู้ปกครอง นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ มีต้นเหตุของปัญหา เกิดจากระบอบการปกครองของไทยไม่เป็นประชาธิปไตย มาตลอดจากอดีตจนปัจจุบัน ไม่ใช่ปัญหาเรื่องตัวบุคคลว่าดีไม่ดี หรือเก่งไม่เก่ง ไม่ใช่ไทยขาดคนดีปกครองบ้านเมือง แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ คนไทยไม่ได้มีส่วนร่วมในระบอบการเมืองการปกครอง จากอดีตมาจนปัจจุบัน

เมื่อสมัยรัชการก่อนๆจนถึงถึงรัชกาลที่ ๕ ราษฎรก็เป็นเพียงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน เป็นทาสหรือเสมือนทาสเท่านั้น หลังการเปลี่ยนแปลงการปกคร อง ๒๔๗๕ ประชาชนก็เป็นได้เพียงผู้ถูกปกครอง ที่ผู้ปกครองมองเป็นเพียง “ไพร่” ผู้ไม่มีคุณค่าใดๆต่อการสร้างชาติ เป็นได้เพียงเสมือนทาสรับใช้คนชั้นสูงอีกชนชั้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีโอกาสในการให้หรือรับการแบ่งปันทรัพยากร ไม่ได้มีสิทธิเสรีภาพ ไม่มีความเสมอภาค ตามหลักมนุษยชน ในด้านกฎหมายหรือในทางการเมือง

คน ไทยยังไม่เป็นหุ้นส่วน หรือมีส่วนร่วมใดๆจริงจัง ในระบอบการเมืองการปกครองของชาติ แต่อำนาจการปกครอง ยังเป็นของคนส่วนน้อย เช่นในอดีตตลอดมา แม้หลังมีรัฐสภาจากการเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง ปัญหาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเมืองการปกครอง หลังวันลงคะแนนเสียงก็ยังเป็นเพียงความฝัน ฝัน และฝันเท่านั้น

วันนี้ ย่างเข้าปีที่ ๗๘ ที่คนได้เฝ้ารอกันมา นานวันนานปีไปเท่าใด ชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ขณะที่ทรัพยากรของชาติก็น้อยลง คนก็มากขึ้น การแบ่งปันทรัพยากร ก็ยังมีความเป็นธรรม ผู้ปกครองก็ไม่เคยสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆให้รู้สึกแตกต่าง สังคมอื่นที่เกิดใหม่ แม้เป็นชาติประชาธิปไตยทีหลังไทย ก็ยังก้าวหน้าไปไกลมากกว่า คนเขาอยู่ดี กินดี มีค่าตอบแทนสูงกว่า มีความสุขสบายมากกว่า บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองสะดวกสบายมากกว่า คนไทยมีโอกาสไปเห็น ไปสัมผัสไปใช้ชีวิตในสังคมประชาธิปไตยเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นมากเท่าใด ยิ่งรู้มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้การยอมรับในอำนาจการปกครอง ที่ล้าหลังของประเทศตนเอง น้อยลงๆ
วันนี้หากไม่ช่วยกันหาทางแก้ไข ไทยก็อาจจะถึงวาระสิ้นชาติได้ ในอนาคตอันใกล้ คนไทยชั้นสูงในเมือง ที่มีฐานะความเป็นอยู่ รายได้สูงว่า มีสิทธิมากกว่า หากยังมองเห็นคนในชนบท “คนเสื้อแดง” เป็นภัยต่อความมั่นคงของตนเอง เป็นได้ถึงผู้ก่อการร้ายแล้ว ก็ให้เข้าใจด้วยว่า นี่ถือเป็นสัญญานอันตราย ของปัญหาการขัดแย้ง ที่ได้ดำเนินพัฒนามาระยะหนึ่ง จนจะสุกงอม ที่อาจจะถึงวาระสุดท้ายแล้วก็ได้ หากไม่คิดหาทางแก้ไขระบอบและโครงสร้างใหม่ในวันนี้

การแก้ไขที่เป็น แนวทางแห่งสันติในวันนี้ มีจุดหมายปลายทางอยู่เพียงอย่างเดียวคือ การสถาปนาระบอบประชาธิปไตยไทยที่แท้จริง ขึ้นให้สำเร็จเท่านั้น

ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของกลุ่มเผด็จการมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
เพื่อ แก้ไขปัญหาการขัดแย้ง ระบอบประชาธิปไตยไทยที่พึงประสงค์คือ ระบอบประชาธิปไตยไทยแบบรัฐสภา ที่มีสถาบันกษัตริย์เป็นประมุขประเทศ เช่นอังกฤษ ญี่ปุ่น สวีเดน สเปน ส่วนวิธีการสร้างระบอบใหม่นั้น หากจะต้องให้เป็นไปอย่างสันติจริง มีเป้าหมายที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ที่ควรพิจารณาร่วมกันอยู่สองส่วนคือ

ประการที่ ๑ ด้วยการขอพระราชทาน รัฐบาลเฉพาะกาลแห่งชาติเพื่อสร้างประชาธิปไตย เพื่อการแก้ไขปัญหาของชาติทั้งปวง ไม่ว่าปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรมให้สำเร็จให้ได้

ความจริง การที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้สัมภาษณ์ เพื่อเคลื่อนไหวในการที่จะขอกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบารมี เพื่อให้ทรงมีพระราชวินิจฉัยในการแก้ไขปัญหาของชาตินั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นทางออกของวิกฤติของสังคมไทยได้ วันนี้เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติ ด้วยวิธีการปกติธรรมดา ไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งใหม่ด้วยกติกาเดิม จะไม่เป็นที่ยอมรับของคนไทยทุกคน

ที่สำคัญหากสังคมไทยได้รับพระมหา กรุณาธิคุณ ทรงพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล ที่มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อสร้างระบอบใหม่เท่านั้น ก็เพียงพอและจะตรงกับความต้องการของประชาราษฎรที่สุด ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พล. ต.สนั่น ขจรประสาท หรือ นายบรรหาร ศิลปอาชา ได้แสดงความไม่เห็นด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ควรได้รับการชี้แจงด้วยเหตุผล ว่านี่เป็นหนทางแก้วิกฤติของสังคมการเมืองไทยโดยแท้ ที่ไม่มีวิธีการอื่นใดดีกว่า เหมาะสมกว่า สงบและสันติกว่า
ที่สำคัญ คนที่จะมานำรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อสร้างประชาธิปไตยนั้น จะต้องไม่อิงพรรคการเมืองใด ไม่อิงกลุ่มผลประโยชน์ใด ที่มานายกจะคล้ายกับรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์ แต่ผู้นำรัฐบาลจะต้องมีความเข้าใจ ในภารกิจและแนวทาง ในการสร้างระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองใหม่ ที่อำนาจการปกครองทั้งสามส่วนเป็นของปวงชน โดยปวงชน และเพื่อปวงชน
ให้ บุคคลได้รับการประกันสิทธิ อย่างแท้จริง มีเสรีภาพ มีความเสมอภาคตามกฎหมาย ในโอกาสและสิทธิทางการเมือง ให้มีการใช้หลักนิติธรรมในการวางระบอบนิติรัฐ มีการยกเลิกกฎหมายและการตรากฎหมายใหม่ รวมถึงรัฐธรรมนูญใหม่ด้วย ที่จะต้องได้มาจากตัวแทนของปวงชนชาวไทย อย่างแท้จริง

ประการที่ ๒ ประเทศไทยจำต้องมี สภาประชาชนปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งชาติ ขึ้นเพื่อทำหน้าที่แทนรัฐสภาที่เป็นอำนาจของคนส่วนน้อยในปัจจุบัน

โดย หลักการดังกล่าวนี้ ในระยะเริ่มต้น รัฐบาลเฉพาะกาลจะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบพื้น ฐานของสภาปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งชาติดังกล่าว ซึ่งจะประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากสัดส่วนตามจำนวนของปวงชน เช่นจากทุกอำเภอในประเทศไทย และสมาชิกที่เป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพและกลุ่มคนทางวัฒนธรรมต่างๆอย่างครบถ้วน ไม่ตกหล่น ควรให้มีการยกเลิกกฎหมายพรรคการเมือง และข้อกำหนดทางกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคเกี่ยวกับพรรคการเมืองในปัจจุบันทั้งหมด

สภาประชาชน ปฏิวัติดังกล่าว ควรมีภารกิจสำคัญในการร่วมกันยกร่างรัฐธรรมนูญถาวรของชาติ เพื่อนำไปสู่การทำประชามติอย่างเสรีโดยประชาชนทั่วประเทศ และสภาปฏิวัติประชาธิปไตยนี้ ควรได้ร่วมกันพิจารณา ยกเลิกกฎหมายที่มาจากระบอบเผด็จการทั้งหมด และร่วมกันดำเนินการตรากฎหมายที่จำเป็นขึ้นใหม่ รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจตุลาการด้วย ก่อนให้มีการยุบสภาและให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่

ในระหว่างทำ หน้าที่ สภาประชาชนปฏิวัติประชาธิปไตยนี้ จะมีภารกิจสำคัญอย่างยิ่งหลายประการ อาทิการส่งเสริมความรู้ประชาธิปไตย ที่ถูกต้องให้กับปวงชน ทำให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง ยกเลิกกฎหมายและตรากฎหมายเพื่อเป็นหลักประกันและดำเนินการให้บุคคลมีเสรีภาพ บริบูรณ์ ดำเนินการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของไทยให้มั่นคง สร้างระบบพรรคการเมืองขึ้นใหม่ให้เข้มแข็งเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตยได้ ทำให้ระบบราชการเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย และทำให้การประสานประโยชน์ระหว่างกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มอาชีพต่างๆ สร้างสันติภาพให้ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจแห่งชาติในแนวทางเสรีนิยมให้สำเร็จด้วย

นี่ คือทางเลือกใหม่แห่งประชาธิปไตยไทย ด้วยสันติวิธี ที่แท้จริง ที่จะไม่ต้องเสียเลือดเนื้อไทยใดๆอีกในอนาคต ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว...ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Satellite : THAICOM-5
System :C-BAND
Frequency : 3545 MHz
Symbol Rate: 30000
Polarity : Vertical

ThaiRedNews 2539 Imperial World Ladprao Bangkok 10230

Design for Mozilla Firefox 1280 x 768 WideScreen Edition