วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

Thai RedNews SMS บริการข่าวการเมืองผ่านมือถือ ให้ชาวเสื้อแดงเกาะติดทุกเหตุการณ์ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมอ่านฟรี 30 วัน


กรุงเทพฯ 27 กันยายน (ThaiRedNews) ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ผู้อำนวยการและบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ ThaiRedNews เปิดเผยว่า ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย หรือ ชาวเสื้อแดง ขณะนี้ มีความสนใจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองอย่างเกาะติดในหลายๆเหตุการณ์ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ไทยเรดนิวส์จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการข่าวในรูปแบบของสื่ออิเลคทรอนิคส์ผ่านช่องทางโทรศัพท์มือถือ ภายใต้ความร่วมมือของผู้ให้บริการ 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไทย ทั้ง AIS DTAC และ TrueMove เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อ่านให้ได้รับความสะดวกสบายในการรับข้อมูลข่าวสารจากไทยเรดนิวส์

สำหรับผู้ใช้ระบบ AIS และ DTAC กด *426801711 แล้วกดโทรออก ส่วนผู้ใช้ระบบ TrueMove เข้าเมนูข้อความ พิมพ์ A ส่งไปที่ 4268017 โดยบริการดังกล่าวเสียค่าใช้จ่ายเพียง 29 บาท/เดือน

พิเศษ! สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิก วันนี้ อ่าน Thai Red News SMS ฟรี 30 วัน

สอบถามข้อมูล ThaiRedNews Call Center 02-934-9388

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

ASTV ปะทะ T-News ?

ทหารอเมริกันกว่า 6 พันนาย ยกพลขึ้นบกที่ภูเก็ต



เวลา 10.00 น.ของวันที่ 22 กันยายน 52 ที่บริเวณอ่าวภูเก็ต หน้าท่าเทียบเรือน้ำลึก บ้านอ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 7 ที่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan, เรือพิฆาต VSS. Howard และเรือลาดตระเวนติดอาวุธนำวิถี VSS. Chacellorsville ซึ่งเสร็จภารกิจจากประเทศอัฟกานิสสถาน ได้เดินทางมาถึง จ.ภูเก็ต โดยลงสมอห่างออกไปจากท่าเทียบเรือน้ำลึกประมาณ 2 กม.และในช่วงเช้าวันนี้ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากส่วนกลางและท้องถิ่น ร่วม100 ชีวิตขึ้นไปเยี่ยมชมเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิกซ์ ที่ใหญ่และใหม่ที่สุดและเป็นเรือลำที่ 9 ของเรือชั้นนิมิกซ์ และยังถือเรือรบลำแรกของสหรัฐฯ ที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขณะยังมีชีวิต อยู่ โดยเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกเครื่องบินรบได้ทั้งสิ้น จำนวน 85 ลำ มีความยาว 332.85 เมตร ความกว้างดาดฟ้าบิน 78.34 เมตร ระวางขับน้ำ 100,000 ตัน

ทั้งนี้พลเรือตรี Scott Hebner ผู้บัญชาการเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีกลุ่มที่ 7 และนาวาเอก Kenneth “KJ” Norton ผู้บังคับการเรือ โรนัลด์ เรแกน ได้ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนที่เดินทางขึ้นไปเยี่ยมชมเรือพร้อมบรรยายสรุป ถึงสมรรถนะของเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดลำหนึ่งของโลก โดยจะจอดเทียบท่าที่ จ.ภูเก็ตระหว่างวันที่ 22 – 27 กันยายน นี้ หลังจากลอยลำอยู่ในทะเล 45 วันก่อนที่จะมาขึ้นฝั่งที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งลูกเรือมีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะได้ขึ้นมาพักที่ จ.ภูเก็ต โดยก่อนหน้านี้มีหลายแห่งให้เลือก แต่ว่าตนได้รับการร้องขอมาเยอะมากจากลูกเรือ ว่าอยากจะมาพักที่ จ.ภูเก็ต ตนก็เลยตัดสินใจมาเทียบท่าที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งก็นานแล้วเหมือนกันที่ไม่มีเรือสหรัฐมาเทียบท่าที่ จ.ภูเก็ต แล้วการมาครั้งนี้ก็มีลูกเรือมาประมาณ 5 พันคน แต่ถ้ามากันจริงๆ จะมีประมาณ 6,800 คน และในจำนวนลูกเรือ 5,000 คนนี้จะมีการสลับกันออกไปขึ้นฝั่ง ครั้งหนึ่งจะออกไปประมาณ 2,500 – 2,800 คน

นอกจากนี้ พลเรือตรี Scott Hebner ยังได้กล่าวถึงการควบคุมพฤติกรรมของลูกเรือระหว่างแวะจอดเทียบท่าที่ จ.ภูเก็ต ว่า ทางเรือจะมีการออกกฎเตือนลูกเรือ ถึงสิ่งที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ก.ย.) มีการเตือนลูกเรืออีกครั้ง ซึ่งเป็นการเตือนออกทีวีภายใน ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติ และไม่ควรปฏิบัติเวลาขึ้นฝั่ง ทุกครั้งที่แวะเทียบท่าก็จะทำอย่างนี้เหมือนกัน โดยเตือนไปว่า ลูกเรือสามารถไปสนุกสนานรื่นเริงได้แต่ว่าอย่ามากเกินขีดจำกัด

อย่างไรก็ตามพลเรือตรี Scott Hebner ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับปัญหาการเจ็ทสกี ด้วยว่า ในเรื่องปัญหาเจ็ทสกี ไม่ได้เป็นข้อกังวลที่ทางเรือมีการหยิบยกพูดเรื่องนี้กันอย่างจริงจังในการ สั่งห้ามลูกเรือ แต่สิ่งที่ทางเรือให้ความสำคัญนั้นอยู่ที่ประเด็นความปลอดภัยทั้งของตัวลูก เรือและของคนอื่นด้วย ซึ่งการที่ลูกเรือจะไปทำอะไร จะต้องไปคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

ด้านนาวาโท แมทธิว แอซ์ดี ผู้ช่วยทูตทหารเรือ สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า เรือสหรัฐจะเข้าเทียบท่าที่ประเทศไทยประมาณ 60 – 70 ลำต่อปี โดย 1 ใน 3 ของเรือทั้งหมดจะแวะมาเทียบท่าที่ จ.ภูเก็ต แต่อย่างไรก็ดีเรือที่มาประเทศไทย สถานที่ที่ลูกเรือใจจดใจจ่ออยากจะพักมากที่สุด จะเป็นที่พัทยา และภูเก็ต และการขึ้นเทียบท่าในครั้งนี้ ซึ่งมีจำนวน 3 ลำ จะทำให้ภูเก็ตมีรายได้ประมาณ 35 ล้านบาทต่อวัน

อย่างไรก็ดีในระหว่างนี้ จะมีลูกเรืออีกจำนวนหนึ่งจะได้บำเพ็ญกุศลประโยชน์ต่อชุนชน โดยการจัดกิจกรรมโครงการมวลชนสัมพันธ์ต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อสร้างมิตรภาพและส่งเสริมไมตรีจิตกับชาวไทย ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 26 กันยายน 52 ณ ป่าตอง ชายด์แคร์ เซ็นเตอร์, โรงเรียนบ้านกะหลิม, โรงเรียนบ้านไสน้ำเย็น, โรงเรียนบ้านคลองใส ฯลฯ ส่วนรูปแบบกิจกรรม จะเป็นการทาสีโรงเรียน งานก่อสร้าง และทำความสะอาดอาคารเรียน เหล่านี้เป็นต้น

โดยนายกฤษฎา ตันสกุล ผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ได้กล่าวถึง การยกพลขึ้นบกของกองทัพเรือสหรัฐ ว่า จะทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะหาดป่าตองคึกคักขึ้นซึ่งจะมี ทหารเรือเข้ามาใช้ชีวิตและท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจำนวน 4 พันคน ในระยะเวลา5 – 6 วัน ซึ่งทำให้อัตราการพักของโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่ป่าตองขณะนี้สูงถึง 70% และคาดว่าจะมีรายได้สะพัดประมาณ 500 ล้านบาท

“ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทหารเรือสหรัฐนำกำลังพลมาแวะ พักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวโดยภาพรวมอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องช่วยกันดูแลให้เกิดความเรียบร้อยในทุกๆ เรื่องเพื่อไม่มีปัญหาเกิดขั้น เพราะถ้ามีปัญหาอะไรจะมีการเรียกกลับลงเรือทั้งหมด”นายกฤษฎา กล่าว

ด้านนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือลำอื่นๆของกองทัพ เรือสหรัฐเข้ามาจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางจังหวัดได้ประสานไปทางผู้บังคับบัญชาของหน่วยเรืออเมริกันแล้ว และได้ปรึกษากับหัวหน้าส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เรื่องการดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกเรือทั้งหมด โดยได้มอบหมายให้ทางตำรวจเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการร่วมกันกับทหารเรือ ตำรวจท่องเที่ยว รวมถึงตำรวจน้ำด้วยในการดูแลและอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการต้อนรับและเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไม่หลอกลวงเอาทรัพย์สินของทหารที่ขึ้นมาพักผ่อนในพื้นที่ภูเก็ต แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของทหารเรืออเมริกันที่ขึ้นหาดป่าตองนั้น ทราบมาว่า ทางผู้บังคับบัญชาของทหารเรืออเมริกัน ได้มีการกำชับลูกเรือว่า ถ้าเมาจะมีบทลงโทษ”เชื่อว่าคงจะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น การดูแลความปลอดภัย คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นอกจากนี้เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ทำลายชื่อเสียงของคนไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านอาหาร และสถานบันเทิงต่างๆ ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าการขึ้นฝั่งของลูกเรือในห้วงเวลาดังกล่าว จะนำเงินมาให้เราหลายสิบล้านบาทพร้อมกันนี้ยังได้กำชับไปทางเทศบาลเมืองป่า ตอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจหมั่นดูแลความเรียบร้อยโดยตลอด

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

เมื่อเปิด MCOT กับ ASTV สลับกัน?

เมื่อเปิด MCOT กับ ASTV สลับกัน ผลที่ได้คือ...

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

สมเพช! พันธมิตรฯกลัวตาย เรียกตำรวจคุ้มกัน



คลิปแฉ พันธมิตรฯกลัวตายบนเขาพระวิหาร วอนทหาร-ตำรวจช่วยคุ้มกันชีวิต

เจ้าหน้าที่รัฐเหม็นสาปพันธมิตรฯ สังคมรังเกียจ ไม่อยากเข้าใกล้

ถ่ายจากกล้องพันธมิตร

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

พันธมิตร อุบาทว์ ใช้แผนสกปรก อ้างเขาพระวิหาร หวังปลุกระดมประชาชน ก่อสงครามไทยเขมร


พันธมิตรฯ เลวไม่เลิก เปิดเว็บไซท์เถื่อน พระวิหารดอทเน็ท http://www.praviharn.net มีลักษณะการปลุกระดม ทำให้บ้านเมืองเกิดการจรจลหรือหมิ่นประมาทบุคคลหรือหมิ่นประมุขแห่งรัฐในประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดสงครามระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อให้มีการนำทหารออกมาควบคุมสถานการณ์ และนำไปสู่การสถาปนาอำนาจอำมาตยาธิปไตยของเหล่าทหารบางกลุ่ม

การรื้อฟื้น ประเด็นเขาพระวิหารขึ้นมาก็เพื่อต้องการที่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะประกาศกลับมาชุมนุมอีกครั้ง ในการบุกรุกประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ชายแดนบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเกรงว่าการใช้สื่ออินเทอร์เน็ต และโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ของ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ สุ่มเสี่ยงให้มีการปลุกระดมมวลชนทั่วประเทศ ให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล

ทั้งนี้ ประชาชนจำนวนมาก ทราบถึงเป้าหมายความต้องการปลุกระดมเพื่อสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองอย่างชัดเจน ทำให้การปลุกระดมมวลชนของพันธมิตรฯล่าสุด ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนส่วนใหญ่

สำหรับเว็บไซท์เถื่อน พระวิหารดอทเน็ท http://www.praviharn.net พันธมิตรฯ ได้ลงทุนค่าใช้จ่ายในการปลุกระดมให้เกิดสงครามระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านเพียงแค่ 69.- บาท / เดือน และค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโดเมนเพียง 450.- บาท ก็สามารถสร้างความแตกแยกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แล้ว โดยเครื่องบริการเว็บไซท์ดังกล่าว เป็นของ Jaidee Hosting ตั้งอยู่ที่ตึก ISSP และ Pacific Internet ตึกการสื่อสารแห่งประเทศไทย โดยมีเบอร์โทรศัพท์อยู่ที่ 0-2376-0580 Hotline 086-700-4000, 084-142-4477, 02-370-1510-1 หรือ 084-142-4477 โดยเว็บไซท์ดังกล่าวจดทะเบียนเมื่อวันที่ 27 กรกฏาคม 2552

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

รวบนักข่าวสมาคมล้วงคองูเห่าลักทรัพย์ตำรวจบนโรงพัก

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.ย.52 พ.ต.ท.อนันต์ ชัยชาญ รอง ผกก.( จร. ) สภ.เมืองสมุทรปราการ ร.ต.อ.จำลักษณ์ สุวรรณพรหม รอง สว.จร. พร้อมกำลังได้ร่วมกันจับกุมตัว นายประจักษ์ สุทธิ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/4 ซ.17 ( นารถสุนทร 8 ) ถ.สุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ นักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นปราการ นิวส์ สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวสมุทรปราการ ผู้ต้องหาลักทรัพย์สินทางราชการในสถานที่ราชการ พร้อมของกลาง สมุดใบเสร็จเสียค่าปรับ สภ.เมืองสมุทรปราการ เลขที่ 38228 จำนวน 1 เล่ม 100 ใบ บัตรประจำตัวสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ บัตรผู้สื่อข่าว นิตยสารศิรินทร์ 39 กองสารนิเทศ และบัตรประจำตัวอีกหลายรายการ โดยจับกุมได้ที่สำนักงานสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ ตลาดโกเด่น ถ.ศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 16.00 น.ของวานนี้ที่ 6 ก.ย.52 ในขณะที่ ดาบตำรวจ ปัญญา คล้ายบุญมี เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับ สภ.เมือง สมุทรปราการ กำลังปฏิบัติหน้าที่รับเปรียบเทียบปรับอยู่บนโรงตามปกติ ได้มีนายประจักษ์ ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวของสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาขอความอนุเคราะห์จากนายตำรวจท่านหนึ่งยศพันตำรวจโท ให้ช่วยเซ็นใบสั่งจำนวนหลายใบมา เพื่อขอลดอัตราค่าปรับให้ และนำมาทำการเปรียบเทียบปรับที่เคาท์เตอร์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเผลอ นายประจักษ์ ได้หยิบเอาสมุดใบเสร็จรับเงินค่าเปรียบเทียบปรับ ม้วนและยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินหลบหนีออกไปทั้งเล่ม พฤติกรรมดังกล่าวกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หลังเคาท์เตอร์เปรียบเทียบปรับ สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด หลังรู้ตัว ดาบตำรวจ ปัญญา คล้ายบุญมี เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบปรับ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมยศ คำจันทร์ สารวัตรเวร สภ.เมือง สมุทรปราการ พร้อมนำภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้เป็นหลักฐานขออนุมัติหมายศาล จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อจับกุมนายประจักษ์ จนกระทั้งสามารถจับกุมได้ในวันนี้

จากการสอบสวนนายประจักษ์ ได้อ้างว่าต้องการนำสมุดใบเสร็จรับเงินฉบับดังกล่าวไปอ่านว่าเจ้าหน้าที่ ปรับข้อหาอะไรบ้าง ไม่ได้ตั้งใจขโมยไปใช้ส่วนตัวแต่อย่างไร ซึ่งตนก็เป็นนักข่าวหนังสื่อพิมพ์ท้องถิ่นปราการนิวส์ และเป็นของสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวสมุทรปราการ ซึ่งมีอุปนายกสมาคมซึ่งเป็นนักข่าวสติงเกอร์ของสถานีโทรทัศน์สีชื่อดังช่อง หนึ่ง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนาย ประจักษ์ มากนัก และนายประจักษ์ นำสมุดในเสร็จรับเงินดังกล่าวไป เพื่อกระทำการสมรอยเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยการรับใบสั่งของคนอื่นมา และอ้างบารมีของสมาคมผู้สื่อข่าว มาขอความอนุเคราะห์จากนายตำรวจให้ช่วยลดค่าปรับใบสั่งให้ก่อนที่นายประจักษ์ จะใช้ใบเสร็จรับเงินที่ลักมาเขียนอุตราเสียค่าปรับในราคาเต็มเพื่อรับเก็บ กับเจ้าของใบขับขี่แทน และเชื้อว่าน่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว และจากการสอบสวน นายประจักษ์ ยังให้การรับสารภาพว่า เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียหายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์สินของทางราชการในสถานที่ราชการ ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สนามกีฬาไก่ชนเทิดไท สนามไก่ชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

เพื่อเป็นการพัฒนากีฬาไก่ชนให้เป็นกีฬาอย่างเต็มตัว จึงได้มีการพัฒนาไก่ชนไทย เสนอพระราชบัญญัติการเพาะเลี้ยงไก่ชน เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ไก่ชนไทยให้ก้าวไกลสู่การท่องเที่ยว ในอดีตพันธุ์ไก่ชนไทยเป็น "มรดกของไทย" มาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์ มีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือพันธุ์ "ประดู่หางดำ" และ "เหลืองหางขาว"

นาย วิศิษฐ์ ภิญโญบริสุทธิ์ กรรมการบริหารสนามกีฬาไก่ชนเทิดไท กล่าวว่า ความเป็นมาของการสร้างสนามกีฬาไกชนเทิดไท มีจุดประสงค์ต้องการให้สนามกีฬาแห่งนี้เป็นสนามกีฬาไก่ชนที่ได้มาตรฐาน ที่สามารถเป็นสนามอนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว จะสังเกตได้ว่าสนามกีฬาไก่ชนแห่งนี้ สร้างขึ้นอย่างถูกสุขลักษณ์ และเป็นสนามมาตรฐานมีการรักษากฎระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาธิเช่น กระทรวงมหาดไทย และกรมปศุสัตว์ ซึ่งขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่ช่วยกันผลักดันกีฬาไก่ชนให้เป็นกีฬาอย่างเต็ม ตัว โดยไก่ที่นำมาแข่งขันนั้นมีการ ใส่นวมเหมือนกีฬาชกมวย ไก่ไม่มีทางบาดเจ็บถึงตาย อาจจะมีเจ็บนิดหน่อยเหมือนๆ กับคนที่ชกมวย สนามกีฬาไก่ชนเทิดไท แห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ นอกจากจะมีสนามไก่ชนขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานแล้ว ยังมีสนามเล็กๆ อยู่รอบ ๆ สนามใหญ่อีก 9 สนาม บนเนื้อที่ 4 ไร่ นอกจากนี้ที่ดินบริเวณนี้ ยังมีสนามฟุตบอล สนามแข่งนก ที่สร้างขึ้นมาบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ เหมาะสำหรับคนชอบเล่นกีฬา และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก เส้นทางที่จะเดินทางมาที่สนามกีฬาไก่ชนเทิดไท ที่สะดวกที่สุด คือเส้นทางมอเตอร์เวย์ เลยจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาประมาณ 6 กิโลเมตร และลงเส้นอ่อนนุชวิ่งมาทางเส้นทางคลองสวน พอถึงแยกอ่อนนุช เพียง 2 กิโลเมตร ก็จะถึงสนามกีฬาไก่ชนเทิดไท

สำหรับรูปร่างลักษณ์ไก่ชนที่ดีในขณะนี้ก็มีความหลากหลาย ตามแต่ละสายพันธ์ อย่างเช่น สายพันธ์เหลืองหางขาว ที่เราอนุรักษ์กันอยู่ในตอนนี้ ก็มีสายพันธ์ที่ดีและมีเชิงชน ที่ชาวนักชนไก่หรือผู้รู้เชิงของไก่สายพันธ์นี้รู้จักกันดี ซึ่งเราก็พยายามอนุรักษ์ และส่งเสริมรูปแบบของไก่ชนสายพันธ์นี้ ที่ดีก็คือเราพยายามจะอิงในสิ่งที่ต่างประเทศต้องการ ว่าเชิงชนของไก่ประเภทนี้ ทางต่างประเทศต้องการอย่างไร เราก็พยายามที่จะลอกเรียนแบบเพื่อให้เกิดการค้าขายกันขึ้น ก็คือหากต่างประเทศเทศสนใจและมีการซื้อขาย เกษตรกรก็มีรายได้เพิ่มขึ้นมาด้วย และในช่วงนี้มีชาวบ้านนำไก่เข้ามาร่วมแข่งขันน้อยไปบ้าง เพราะอยู่ในระหว่างไก่ผลัดขน ส่วนที่ยังมีมาแข่งขันก็เป็นไก่ชนที่มีความสมบูรณ์ในแต่ละจะมีไก่เข้ามาร่วม แข่งขันจำนวน 8-10 คู่ แต่ในช่วงเวลาที่ปกติที่ไก่มีความสมบูรณ์ ที่สุดก็มีมีมาแข่งขันกันวันละ 20 คู่ขึ้นไป ส่วนไก่ชนที่มีราคาแพงที่สุดที่เคยเข้ามาร่วมแข่งขันในสนามนี้มีราคาสูงสุด 3 แสนบาท ส่วนในขณะนี้ไก่ชนที่ราคาสูดที่สุดในสนามแห่งนี้มีเพียงตัวเดียว คือ เจ้าจงอาง ที่มีราคาสูงถึง หนึ่งแสนสองหมื่นบาท ซึ่งเป็นไก่ที่มีลักษณ์เด่นก็คือ เวลาจะเข้าไปตีกับคู่ต่อสู้ จะมีการก้มหัวเข้าไปทำท่าจะฉกเหมือนงูจงอาง และอีกอย่างที่บริเวณหน้าแข้งของไก่ตัวนี้จะออกเขียว ๆ ซึ่งจะไม่เหมือนไก่ตัวอื่น ๆ ซึ่งในการลงแข่งขันทั้ง 4 ครั้งได้รับชัยชนะมาโดยตลอดและเป็นการชนะที่ค่อนข้างจะสวยงามมาก ลักษณ์เด่นก็คือจะให้คู่ต่อสู้ตีถูกตัวเขาได้น้อยมาก ถึงว่าเป็นการตีที่ลัดกุม ส่วนเจ้าจงอาง ตัวนี้เป็นไก่สายพันธ์ผสม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่นำไก่หลายสายพันธ์มาผสมกัน มีไก่สายพันธ์เวียดนาม ไก่สายพันธ์พม่า และไก่สายพันธ์ไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของเกษตรกรจริง ๆ ที่นำลักษณ์ที่เด่น ๆ ของไก่แต่ละสายพันธ์นำมาผสมเป็นไก่สายพันธ์เดียวกัน มองลักษณ์ก็คือไก่ไทย แต่ถ้าเช็คเลือดกันจริง ๆ แล้วก็จะพบว่าเป็นไก่ที่มาจากสามสายพันธ์ พม่า-เวียดนาม-ไทย ลักษณ์ของไก่สายพันธ์เวียดนาม จะสังเกตได้ว่าที่บริเวณหัวจะไม่ค่อยมีขน หนังหนากระดูกใหญ่ ส่วนสายพันธ์ไก่ไทย ก็ความฉลาดแขวงอยู่ในตัว ส่วนไก่สายพันธ์พม่าเป็นไก่ที่มีลักษณ์ว่องไว้ออกแข้งเร็ว มีรูปมวยที่ไว้มาก โดยรวมของเจ้าจงอางนี้ก็คือ มีความฉลาดแบบไทย มีความว่องไว้เหมือนพม่า มีความแข็งแกร่งเหมือนไซ่ง่อน อันนี้ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

เจ้าของคอกม้าแจ้งจับ นสพ.ผู้จัดการ

นายรุ่งโรจน์ ศาสตรา อายุ 60 ปี เจ้าของคอกม้ารุ่งโรจน์-รุ่งพัชร จ.สระบุรี แจ้งแจ้งความกับ พ.ต.ต. สิทธิชัย ศรีอ่อน สารวัตรเวร สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นสพ.ผู้จัดการ ในข้อหา แอบอ้างสิทธิส่วนบุคคลเผยแพร่ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต


เจ้าของคอกม้าสระบุรีชี้แจง ไม่ใช่ของ ผบ.ตร.


นาย รุ่งโรจน์ แสงศาสตรา อายุ 60 ปี เจ้าของคอกม้า รุ่งโรจน์-รุ่งพัชร พร้อม นายอ่อนศรี ปื่นพงศ์ อายุ 45 ปี เป็น รปภ.ดูแลคอกม้า นำโฉนดที่ดิน มูลค่าเนื้อที่ 100 ไร่ เข้าชี้แจงต่อ พ.ต.อ.สุทธิวัชร์ ศักดาวงศ์วัชร์ ผกก.สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี กรณี ที่ ASTV เสนอข่าว เรื่องคอกม้านั้น ตนขอปฏิเสธว่า คอกม้าดังกล่าวไม่ได้เป็นของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.

นายรุ่งโรจน์ กล่าวอีกว่า คอกม้าดังกล่าว เป็นของตนกับภรรยาที่ชื่อ นางพัชร แสงศาสตรา ส่วนทื่ดินก็เป็นของบริษัท ปาล์ม รีสอร์ต จำนวนเนื้อที่ 100 ไร่ มีคอกม้าเพียง 2 คอก และมีม้า 70 ตัว ที่เลี้ยงอยู่ในคอก และสร้างคอกม้าได้เพียง 2 ปีเท่านั่น ตนยอมรับว่า ผบ.ตร.เป็นเพื่อนรักและสนิมสนมกันตั้งแต่เรียนอนุบาลด้วยกัน และก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคอกม้าดังกล่าวแต่อย่างใด

นายอ่อนศรี กล่าวว่า จากกรณีที่ ASTV มีภาพ นายอ่อนศรี ให้สัมภาษณ์ ขอชี้แจงว่าตอนแรกทาง ASTV อ้างว่ามาติดต่อถ่ายทำละครแต่ได้พูดคุยกันไปมา หว่านล้อมเกี่ยวกับคอกม้าให้ระบุว่า เป็นของ ผบ.ตร.และจ่ายเงินให้นายอ่อนศรี จำนวน 500 บาท จากนั้นได้ส่งบทที่เขียนไว้ให้ตนอ่าน ก่อนที่จะพูดให้สัมภาษณ์ถึง 2 รอบ ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลาย ที่พูดไปทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง

Satellite : THAICOM-5
System :C-BAND
Frequency : 3545 MHz
Symbol Rate: 30000
Polarity : Vertical

ThaiRedNews 2539 Imperial World Ladprao Bangkok 10230

Design for Mozilla Firefox 1280 x 768 WideScreen Edition